ทปอ. เผย 5
วิธีปรับระบบการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย ปี 61 ยัน ทปอ.ใช้ข้อสอบ GAT/PAT ต่อ คาดปฏิทินคลอดภายในเดือนธ.ค.2559
              เมื่อวันที่ 30 ต.ค. ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้
ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล (มม.)
ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) กล่าวภายหลังการประชุม ทปอ.ว่าที่ประชุมได้มีการพิจารณาการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา
ประจำปีการศึกษา 2561 
และมีมติว่ามหาวิทยาลัยที่เป็นสมาชิก ทปอ.จะดำเนินการปรับระบบการคัดเลือกในปีการศึกษา
2561 
             โดยยึดหลักการคือ
            1.
จะต้องไม่ให้นักเรียนวิ่งรอกสอบ 
            2.
ให้อยู่ในห้องเรียนจนจบการศึกษาหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย 
            3. ต้องไม่เป็นภาระเรื่องค่าใช้จ่าย
            4. ต้องให้สิทธิเด็กในการเลือกเข้าคณะ และมหาวิทยาลัยขณะเดียวกันมหาวิทยาลัยต้องมีสิทธิเลือกเด็กเช่นเดียวกัน
            โดยกำหนดการสอบนั้น
คาดว่าจะเริ่มกระบวนการได้ประมาณเดือนต.ค. ซึ่งมีวิธีการดำเนินการสอบ 5 วิธี
ดังนี้ 
            1. เปิดรับนักเรียนโควตา
อาจจะเป็นโควตาพื้นที่ ภูมิภาคต่างๆ โควตาความสามารถพิเศษ
โดยจะไม่มีการสอบข้อเขียน แต่จะให้นักเรียนยื่นแฟ้มสะสมงาน
และวิธีการนี้จะต้องเสร็จสิ้นภายในเดือนธันวาคม โดยมหาวิทยาลัยทุกแห่งต้องส่งรายชื่อนักเรียนที่ผ่านการคัดเลือกมายังส่วนกลางเพื่อตัดสิทธิ์
หรือเปิดพรีเคลียริ่ง อีก 1 รอบ       
            2. โควตาแบบใช้ข้อสอบข้อเขียน
โดยใช้ข้อสอบกลาง   ประมาณ
ปลายเดือนกุมภาพันธ์ ถึงต้นเดือนมีนาคม
            3. เปิดเคลียร์ริ่งเฮาส์
หรือระบบรับตรงกลางร่วมกัน  จะมีการเปิดรับสมัคร
2 รอบ โดยเริ่มดำเนินการเคลียร์ริ่งเฮาส์รอบแรก ประมาณต้นเดือนพฤษภาคม  
            4. เปิดเคลียร์ริ่งเฮาส์
รอบ 2 คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ห่างจากรอบแรก ประมาณ 1
เดือน  โดยการสอบเคลียร์ริ่งเฮาส์ทั้ง 2 รอบ
จะใช้ข้อสอบกลาง ได้แก่ การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน(O-NET) GAT/PAT วิชาสามัญ 9 วิชา  และวิชาเฉพาะของสาขาวิชาต่างๆ ทั้งนี้
การสอบเคลียร์ริ่งเฮาส์ทั้ง 2 รอบจะต้องให้เสร็จสิ้นภายในเดือนมิถุนายน
และในส่วนของกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท)
ก็จะมาใช้ระบบเคลียร์ริ่งเฮาส์เช่นเดียวกัน โดยส่วนกลางจะจัดสอบวิชาเฉพาะทางแพทย์
ทั้งนี้  จากการสอบวิธีการดังกล่าว
คาดว่าจะรับนักเรียนเข้ามหาวิทยาลัยได้ประมาณ 90%  
             5. เปิดรับตรง โดยมหาวิทยาลัยจะเป็นผู้ดำเนินการเอง
อย่างไรก็ตาม ระบบการสอบแบบใหม่นี้ เด็กจะมี 1 สิทธิเท่านั้น
เพราะเมื่อนักเรียนใช้สิทธิเข้าวิธีใดวิธีหนึ่ง มีที่เรียนแล้วจะถูกสละสิทธิ์ไม่สามารถเข้าร่วมวิธีการอื่นได้
รวมถึงจะต้องไม่มีการให้เปิดสอบเอง แต่จะใช้ข้อสอบกลาง หรือแนวทางอื่นๆ ทั้งนี้
ส่วนช่วงเวลาในการสอบนั้น ยังไม่ได้เวลาที่ชัดเจนคณะทำงานจะไปหารือสรุปอีกครั้ง
และสำหรับปฏิทินรวมถึงวิธีการในการรับนักเรียนเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา
จะต้องมีความชัดเจนภายในปลายปี หรือเดือนธ.ค.2559
            ศ.คลินิก
นพ. อุดม กล่าวต่อว่านอกจากนั้น ที่ประชุมได้มีการรายงานผลดำเนินการ โครงการวิจัยเรื่อง
“การตรวจสอบคุณภาพแบบทดสอบและการประเมินผลการนำคะแนน O-NET GAT/PAT ไปใช้ในการรับบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา
ซึ่งพบว่าคะแนนO-NET  GAT/PAT  มีคุณภาพและสามารถพยากรณ์องค์ความรู้ของนักเรียนในการเข้าเรียนคณะต่างๆ
ของมหาวิทยาลัยได้ ดังนั้น ที่ประชุมจึงมีมติให้ใช้คะแนน O-NET  GAT/PAT  ในการสอบคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในอุดมศึกษาต่อไป
โดยจะมีการปรับกระบวนการออกข้อสอบให้มีความสมบูรณ์ เป็นสากลมากขึ้น
ขณะเดียวกันในส่วนของโรงเรียนจะต้องปรับการเรียนการสอน
ปรับปรุงข้อสอบให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจะมีการจัดสอบ GAT/PAT เพียงครั้งเดียว แต่สัดส่วนที่จะนำคะแนน GAT/PAT ไปใช้ในการคัดเลือกเด็กนั้นเปิดกว้างให้มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งไปกำหนดเอง
            อย่างไรก็ตาม
หลังจากนี้ ทปอ.จะนำเสนอผลการปรับระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา
ปี 2561 เสนอต่อ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ในวันที่ 9 พฤศจิกายน เพื่อพิจารณาต่อไป 
 อ้างอิง komchadluek

 
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น